หลายคนที่ใช้มือและแขนในการทำงานบ่อย อาจจะกำลังประสบปัญหากับอาการชาปลายนิ้วมือ หรือรู้สึกมีอาการเหน็บชาที่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้าคล้ายกับมีใครเอาเข็มมาทิ่ม ในบางรายอาจเป็นเฉพาะเวลานั่ง หรือนอนเพลินจนเผลอไปทับแขนของตัวเอง แต่บางรายอาจเป็นถี่ จนเริ่มวิตกกังวลว่าตัวเองจะเป็นโรคหรือไม่ ซึ่งการชาปลายนิ้วมือนี้อาจส่งสัญญาณของโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยแต่ละอาการก็จะมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจึงมีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับอาการชาปลายนิ้วมือ …สัญญาณเตือนจากเส้นประสาท มาให้ได้อ่านกันค่ะ
พบได้บ่อยในผู้ที่ใช้มือและแขนทำงานอย่างหนัก โดยจะรู้เจ็บแปล๊บที่บริเวณปลายนิ้วมือ คล้ายกับการถูกเข็มแทง หรือไฟฟ้าช็อต ซึ่งอาการเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้นนานๆครั้งก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เพราะอาจเกิดจากการขาดเลือดมาหล่อเลี้ยงแบบชั่วคราว แต่หากเกิดขึ้นบ่อยจนไม่สามารถใช้มือได้ตามปกติ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของนิ้วมือ โดยจำแนกบริเวณที่ชาได้ดังต่อไปนี้
อาจมีสาเหตุมาจากการกดทับบริเวณเส้นประสาทที่ข้อมือ หรือ อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกคอทับเส้นประสาทที่มีความรุนแรงกว่ามาก
อาจเกิดจากเส้นประสาทที่บริเวณรักแร้ยาวไปถึงนิ้วก้อย มีการงอและเกร็งข้อศอกเพื่อถือหูโทรศัพท์เป็นเวลานานมากเกินไป
นอกจานี้หามีอาการชาบริเวณปลายนิ้วมือ และนิ้วเท้า อาจมีสาเหตุมาจากโรคเบาหวาน เพราะเมื่อผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลสูงเกินไป น้ำตาลอาจสร้างความเสียหายให้กับเส้นประสาทส่วนปลาย หรือเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของมือและเท้า และหากมีอาการชาปลายนิ้วมือและมือร่วมกับการปวดแสบปวดร้อนตามกระดูกและข้อ อาจมีสาเหตุมาจากโรคเก๊าท์ หรือโรครูมาตอยด์ที่เกิดกรดยูริกในร่างกายสูงกว่าปกติ
เกิดจากเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงมือหรือเส้นประสาท ที่ควบคุมการทำงานและการรับความรู้สึกของนิ้วมือถูกกดทับ จนได้รับความกระทบกระเทือนหรือเกิดความเสียหาย หรืออาจมีสาเหตุมาจากการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ อย่างเช่น
เมื่อเส้นประสาทที่รับความรู้สึกบริเวณมือถูกกดทับหรืออุดตัน ส่งผลให้เกิดอาการชาบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง
เกิดจากเส้นประสาทบริเวณคอถูกกดทับหรืออักเสบ จนเกิดอาการชาปลายนิ้วมือ คล้ายกับโรคการกดทับเส้นประสาทข้อมือ
เกิดการกดทับบริเวณเส้นประสาทอัลนาร์ที่หล่อเลี้ยงควบคุมการทำงานของนิ้วก้อย และนิ้วนาง จนทำให้เกิดอาการชาปลายนิ้วมือ
เป็นอาการที่หลอดเลือดแดงเล็กที่อยู่ในนิ้ว เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็วทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงบริเวณปลายนิ้วมือ ส่งผลให้เกิดอาการชา และอาจกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตด้วย
เป็นภาวะที่เส้นประสาทของเบาหวานทำให้เกิดความเสียหายแก่เส้นประสาทบริเวณมือและเท้า นำไปสู่อาการชาปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้าได้
เป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดบริเวณข้อต่อกระดูก และทำให้เกิดอาการอักเสบบวม จนเกิดอาการชา หรือปวดแสบปวดร้อนบริเวณปลายนิ้วมือหรือมือได้
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกที่อาจทำให้เส้นประสาทเสียหาย จนทำให้เกิดอาการชาปลายนิ้วมือได้ อาทิเช่น โรคพิษสุราเรื้อรังทำให้ปลายประสาทเสื่อม,โรคอะไมลอยโดสิต เป็นโรคความผิดปกติของการสะสมโปรตีนอะไมลอยในร่างกาย หรือการมีซีสต์ที่ข้อมือ ทำให้เส้นประสาทที่ข้อมือถูกดทับ ,กระดูกข้อมือ หรือกระดูกมือเกิดการแตกหัก ,โรคจีบีเอส หรือกิลแลง บาร์เร ซินโดรม ที่ทำให้เส้นประสาทหลายแห่งเกิดการอักเสบ เช่น มือ แขน หรือ ขา ,การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี และกลุ่มอาการเอดส์ ,โรคเอ็มเอส หรือโรคปลอกประสาทอักเสบ ,โรคซิฟิลิส ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง,โรคเรื้อน ,โรคหลอดเลือดอักเสบ ,ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน รวมถึงผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น การทำเคมีบำบัด ,โรคปากแห้งตาแห้ง หรือกลุ่มอาการโจเกรน ,โรคไลม์ ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียจากเห็บสุนัข และภาวะขาดวิตามิน B-12
สำหรับอาการชาปลายนิ้วมือ หากไม่มีอาการรุนแรงผู้ป่วยจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่หากอาการเริ่มมีอาการรุนแรงมากขึ้นอาจส่งผลลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ฉนั้นผู้ป่วยที่มีอาการชาปลายนิ้วมือจึงไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคทางเส้นประสาท ดังนั้นหากใครที่เริ่มมีอาการชาปลายนิ้วมือที่มีอาการรุนแรงจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ ควรที่จะรีบเข้าพบแพทย์ทันที หรือสามารถปรึกษาได้ที่ BE_Health คลินิกกายภาพบำบัด ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00- 20.00 น.
สามารถจองคิวนัดปรึกษาอาการได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/behealthclinic.ayutthaya
หรือเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ : https://www.behealthphysical.com
Copyright © 2025 NB Digital Team. All Rights Reserved.